Terms of Service

ข้อกำหนดในการให้บริการ

ข้อกำหนดในการให้บริการระหว่างท่านกับบริษัท ไบต์อาร์ค จำกัด

ข้อกำหนดตามเอกสารฉบับนี้ เป็นข้อกำหนดระหว่าง บริษัท ไบต์อาร์ค จำกัด สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 3 พร้อมพันธุ์ 3 ชั้นที่ 16 ห้องเลขที่ 1601-1605 ซอยลาดพร้าว 3 ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล จตุจักร กรุงเทพ 10900 ซึ่งต่อไปในเอกสารฉบับนี้จะเรียกว่า “บริษัท” และ “ผู้ใช้บริการ” ซึ่งหมายถึงบุคคลหรือองค์กรที่มีบัญชีผู้ใช้ในบริการใด ๆ ของบริษัท รวมถึงบุคคลหรือองค์กรผู้พัฒนา และ/หรือ ดูแลระบบซึ่งเชื่อมต่อกับบริการใด ๆ ของบริษัท

การเปิดใช้บริการใด ๆ ของบริษัท ย่อมก่อให้เกิดความผูกพันและสัญญาตามกฎหมาย ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ ตามเอกสารนี้ทั้งหมด

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการใช้บริการไบต์อาร์ค

ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการระบบไบต์อาร์คฉบับนี้ มีการแก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560 โดยบริษัทอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในการใช้บริการฉบับนี้ได้ โดยบริษัทอาจแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบโดยทั่วกันผ่านทางอีเมลบัญชีผู้ใช้บริการ ที่ได้ลงทะเบียนไว้ หรือผ่านอินเตอร์เฟซหน้าเว็บไซต์ หรืออาจแจ้งแก่ผู้ใช้บริการโดยตรง

ในกรณีที่ผู้ใช้บริการยังคงใช้บริการของบริษัทต่อไปหลังจากที่บริษัทได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในการใช้บริการฉบับนี้ จะถือว่าผู้ใช้บริการเห็นชอบข้อกำหนดในการใช้บริการของบริษัท ตามฉบับที่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงแล้วนั้น

ข้อกำหนดเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้

ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องมีบัญชี ไบต์อาร์ค เพื่อที่จะใช้บริการของบริษัท โดยผู้ใช้บริการสามารถสร้างบัญชี ไบต์อาร์ค ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ หรืออาจได้รับมอบบัญชีผู้ใช้ ไบต์อาร์ค จากทีมงานของบริษัทที่เปิดบริการและตั้งค่าบริการเบื้องต้นให้แก่ผู้ใช้บริการ

  1. ผู้ใช้บริการให้ข้อมูลเท็จหรือให้ข้อมูลในลักษณะก่อกวนในคำขอสมัครใช้บริการ
  2. ผู้ใช้บริการไม่ผ่านหลักเกณฑ์การประเมินของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ การที่ลูกค้าเคยติดค้างชำระกับทางบริษัท การที่ลูกค้าเคยชำระเงินให้แก่บริษัทล่าช้า หรือความสามารถของลูกค้าในการชำระค่าบริการใดๆ ทั้งนี้บริษัทไม่มีหน้าที่ต้องเปิดเผยหลักเกณฑ์ในการประเมินของบริษัท
  3. กรณีอื่นๆ ที่ทางบริษัทได้มีการตรวจสอบถึงการสมัครใช้บริการของบริษัทอย่างไม่เหมาะสม

ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องใช้บัญชีผู้ใช้ในการใช้และปรับ/ตั้งค่า บริการต่าง ๆ โดยผู้ใช้บริการมีหน้าที่ต้องเก็บรักษารหัสผ่านการเข้าใช้งานบัญชีไว้เป็นความลับ เพื่อปกป้องการแอบอ้างเข้าใช้งานบัญชี ผู้ใช้บริการมีความรับผิดชอบต่อกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนหรือผ่านบัญชี ByteArk ของผู้ใช้บริการ โดยบริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ หากบัญชีของผู้ใช้บริการถูกนำไปใช้เพื่อกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด โดยให้ถือว่าการใช้บริการนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ใช้บริการ (รายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ “การปฏิเสธความรับผิดชอบ”)

ทั้งนี้ หากผู้ใช้บริการร้องขอ บริษัทหรือทีมงานของบริษัทอาจดำเนินการใด ๆ แก่ผู้ใช้บริการ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีของผู้ใช้บริการภายในขอบเขตที่เหมาะสมและจำเป็นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้บริการ

ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์

บริการของไบต์อาร์คบางอย่างอนุญาตให้ผู้ใช้บริการสามารถอัปโหลด ส่งเนื้อหามาให้ จัดเก็บ ส่งหรือรับเนื้อหาได้ ผู้ใช้บริการยังคงความเป็นเจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาใด ๆ ที่ถือสิทธิ์ในเนื้อหานั้น ๆ

เจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาใด ๆ ของเนื้อหาใด ๆ ยังคงเป็นของเจ้าของสิทธิ์เดิม กล่าวคือ บริษัทไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาใด ๆ กับเนื้อหาที่ผู้ใช้บริการนำมาจัดเก็บ และ/หรือส่งต่อผ่านบริการของบริษัททั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม การใช้บริการของบริษัท บริษัทถือว่าผู้ใช้บริการอนุญาตหรือได้รับสิทธิ์อนุญาตอย่างถูกต้องจากเจ้าของสิทธิ์ ให้บริษัทเผยแพร่ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข เนื้อหาที่ผู้ใช้บริการนำมาจัดเก็บ และ/หรือส่งต่อผ่านบริการของบริษัทได้ หากกระบวนการนั้นจำเป็นต่อการดำเนินงานตามที่ผู้ใช้บริการต้องการ (รายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ “การปฏิเสธความรับผิดชอบ”)

การใช้บริการใด ๆ ของบริษัท มิได้หมายความว่าผู้ใช้บริการจะได้เป็นเจ้าของบริการ หรือทรัพย์สินทางปัญญาใด ๆ ของทางบริษัท เช่น ซอฟท์แวร์ การแก้ไขหรือปรับแต่งซอฟท์แวร์ โลโก้ ชื่อแบรนด์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้บริษัท

บริษัทตอบรับต่อการแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวกับการกล่าวหาการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยบริษัทจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้และจะระงับบัญชีของผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซ้ำโดยดำเนินการภายใต้เงื่อนไขของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550, มาตรา 20 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ 2560, หรือกฎหมายอื่น ๆ ภายใต้ราชอาณาจักรไทย

หากคุณเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (“เจ้าของ IPR”) หรือตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากเจ้าของ IPR (“ตัวแทน IPR”) และคุณเชื่อว่าสิทธิของคุณหรือสิทธิตัวการของคุณได้ถูกละเมิด โปรดทำหนังสือแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยส่งทางอีเมลมาที่ support@byteark.com และส่งเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการเรียกร้องสิทธิของคุณ และบริษัทจะตอบข้อร้องเรียนของคุณโดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถดำเนินการได้

ข้อจำกัดการใช้

เว็บไซต์และบริการของ “ไบต์อาร์ค” ทั้งหมด เช่น ข้อมูล ภาพ กราฟฟิกส์ ไลบรารี่โค้ด SDK และส่วนประกอบอื่นๆ บนเว็บไซต์ (ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า”เนื้อหา”) ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์​และเป็นเจ้าของหรือควบคุมโดย บริษัท ไบต์อาร์ค จำกัด นอกจากจะมีการระบุเป็นอย่างอื่น การนำเนื้อหาเหล่านี้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ กฎหมายเครื่องหมายการค้า และกฎหมายอื่นๆ รวมทั้งสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทหรือบุคคลที่สามได้ การใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจนำไปสู่การเรียกค่าเสียหาย และ/หรือ เป็นความผิดทางอาญา เนื้อหาแต่ละส่วนอาจจะมีสิทธิ์อนุญาตการใช้ที่แตกต่างกัน ผู้ใช้บริการต้องทำความเข้าใจและยอมรับเงื่อนไขและข้อจำกัดการใช้งานส่วนต่างๆ การกระทำการใดๆ ที่อยู่นอกเหนือข้อจำกัดดังกล่าว โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทก่อน ถือเป็นความผิด และบริษัทสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้

ซอฟต์แวร์

ซอฟต์แวร์ใดๆ ที่เราจัดไว้ให้ผู้ใช้บริการเป็นส่วนหนึ่งของบริการนี้ อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของเงื่อนไขการใช้บริการนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดต่อซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยบุคคลภายนอก ที่มีการเชื่อมโยง เชื่อมต่อ หรืออ้างถึงบริการของบริษัท ถือว่าซอฟต์แวร์เหล่านั้นเป็นความรับผิดชอบของบุคคลภายนอก (3rd Party) และไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทโดยตรง

ข้อกำหนดเกี่ยวกับการชำระเงิน

บริษัทได้สนับสนุนการชำระเงินให้แก่บริษัทผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้

  • บัตรเครดิต : การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตจะดำเนินการผ่านช่องทางการชำระเงินของบุคลภายนอก อันได้แก่ บริษัท เพย์พาล (PayPal) จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “เพย์พาล (PayPal)”) ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องใช้บริการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านระบบของ เพย์พาล (PayPal) อันเป็นไปตามข้อตกลง เงื่อนไข และนโยบายการใช้งานที่ เพย์พาล (PayPal) เป็นผู้กำหนดขึ้น ทั้งนี้ ในการใช้งานระบบ เพย์พาล (PayPal) ดังกล่าว ด้วยข้อกำหนดการใช้งานหรือบริการนี้ ให้ถือว่าคุณยอมรับบรรดาข้อกำหนด เงื่อนไขและนโยบายต่างๆ ที่กำหนดขึ้นโดย เพย์พาล (PayPal) และถือว่าคุณได้ให้ความยินยอมแก่เราเพื่อถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่อยู่ในความครอบครองของเราให้แก่ เพย์พาล (PayPal) เพื่อดำเนินการทำรายการดังกล่าว
  • การโอนเงิน : ผู้ใช้บริการสามารถชำระค่าบริการผ่านธนาคารไปยังบัญชีของบริษัทที่เรากำหนดและตกลงไว้ล่วงหน้ากับผู้ใช้บริการ โดยผู้ใช้บริการจะต้องส่งหลักฐานการโอนเงินหรือหมายเลขอ้างอิงการทำรายการชำระเงินให้กับบริษัท เพื่อเป็นการยืนยันความถูกต้อง หากไม่มีการแจ้งยืนยันการชำระเงินดังกล่าว ภายในระยะเวลา 30 วัน ทางบริษัทจะถือว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวถูกยกเลิก บริษัทไม่รับผิดชอบและจะไม่ยอมรับผิดใดๆ ต่อความสูญเสียหรือความเสียหายแก่ผู้ใช้บริการอันเกิดจากข้อมูลการจัดส่งและ/หรือข้อมูลการชำระเงินที่ผู้ใช้บริการป้อนไว้ หรือการที่ผู้ใช้บริการโอนเงินค่าชำระค่าบริการที่ไม่ถูกต้อง เราสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบความถูกต้องในวิธีการชำระเงิน และอาจระงับธุรกรรมไว้จนกว่าจะได้ยืนยันการความถูกต้องแล้ว หรือยกเลิกธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกรณีที่ไม่มีการยืนยันดังกล่าว

ข้อกำหนดเกี่ยวกับการคืนเงิน

บริษัทไม่มีนโยบายการคืนเงินสำหรับการซื้อเครดิตที่ทำรายการเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยการขอเงินคืนจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในกรณีที่ผู้ใช้บริการมีความประสงค์ขอรับเงินคืน ให้ติดต่อทางบริษัทผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อแจ้งความประสงค์รวมถึงเหตุผล พร้อมเอกสารหลักฐานยืนยันการชำระเงิน เพื่อให้บริษัทพิจารณาและจะแจ้งกลับให้ผู้ใช้บริการทราบถึงผลการพิจารณา โดยจะใช้ระยะเวลาพิจารณาภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน คำตัดสินของบริษัทถือเป็นสิ้นสุด

การขอคืนเงินสามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วันหลังจากทำรายการสมบูรณ์แล้วเท่านั้น หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการขอคืนเงินใดๆ

การคืนเงินนั้นจะใช้ช่องทางเดียวกับที่ผู้ใช้บริการชำระเงินเข้ามา

  1. หากชำระด้วยบัตรเครดิตจะคืนวงเงินเข้าบัตรเครดิตภายในระยะเวลา 15-30 วัน (ตามข้อกำหนดกระบวนการของ เพย์พาล (PayPal))
  2. หากชำระด้วยการโอนเงินจะโอนเงินคืนสู่บัญชีตามที่ผู้ใช้งานได้แจ้งต่อบริษัท ภายในระยะเวลา 7-14 วันหลังจากได้รับการอนุมัติการคืนเงิน ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในส่วนค่าธรรมเนียมการโอนหรือการทำธุรกรรมใดๆ ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

ข้อกำหนดการรับประกันการให้บริการ

ข้อกำหนดการรับประกันการให้บริการ หรือ Service Level Agreement (SLA) ของบริษัท หมายถึง Uptime Guarantee ของระบบ (ByteArk CDN and Network) โดยทางบริษัทให้สัญญาว่าจะบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีอยู่เสมอตลอดระยะเวลา เพื่อให้บริการมีอัตราการคงอยู่ของระบบต่อเดือน (Monthly Uptime) 99.5% โดยใน 100% ของ Monthly Uptime ของทางด้าน Computer System/Network นั้นหมายถึง ในระยะเวลา 1 เดือน (คิดที่ 43,200 นาทีต่อเดือน) ในทุกๆ 0.1% ของ Downtime มีค่าเท่ากับ 43.2 นาที ดังนั้น SLA Uptime Guarantee 99.5% หมายถึง ใน 1 เดือน ยอมให้ระบบสามารถเกิด Downtime ได้ 216 นาที หรือประมาณ 3 ชั่วโมง 36 นาที

ทั้งนี้หาก SLA ไม่ถึงเกณฑ์ 99.5% บริษัทจะทำการชดเชยด้วยการให้ส่วนลดกับผู้ใช้บริการในเดือนถัดไปโดยคำนวนตามสัดส่วน % ของ Usage ที่ใช้ ในเดือนที่ระบบมี SLA ไม่ถึงเกณฑ์ โดยกำหนดไว้ตามสัดส่วน ดังนี้

เปอร์เซ็นต์การทำงานจำนวนส่วนลดสูงสุด ที่จะชดเชยให้แก่ผู้ใช้บริการ
น้อยกว่า 99.5% ถึง 99.0%10 % ของ Usage ที่ใช้ในเดือนที่เกิดเหตุ
น้อยกว่า 99.0% ถึง 95.0%20 % ของ Usage ที่ใช้ในเดือนที่เกิดเหตุ
น้อยกว่า 95.0%30 % ของ Usage ที่ใช้ในเดือนที่เกิดเหตุ

เงื่อนไข
  1. ผู้ใช้บริการจะต้องขอรับเครดิต/ส่วนลดตามที่ระบุข้างต้น โดยต้องแจ้งแก่บริษัททราบภายใน 30 วัน นับจากเวลาที่ลูกค้ามีสิทธิ์รับเครดิต/ส่วนลดบริการ หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้จะทำให้ลูกค้าไม่มีสิทธิ์ได้รับเครดิต/ส่วนลดดังกล่าว
  2. ผู้ใช้บริการจะต้องแจ้งรายละเอียด วันที่ เวลา และระยะเวลารวมในช่วงที่เกิดเหตุ SLA ไม่ถึงเกณฑ์ต่อบริษัท เพื่อให้บริษัทตรวจสอบและพิจารณา หากเข้าเงื่อนไขตาม SLA ที่บริษัทกำหนด บริษัทจะดำเนินการหักส่วนลดตามสัดส่วนที่ได้ตกลงไว้ให้แก่ผู้ใช้บริการในรอบบิลถัดไป
  3. เครดิต/ส่วนลด จากการชดเชยของบริษัทไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดและไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้

SLA ของบริการไบต์อาร์คจะครอบคลุมเฉพาะในส่วนของการให้บริการที่รับผิดชอบโดยบริษัทเท่านั้น และจะไม่มีผลกับ “สิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม” ของข้อตกลง หรือปัญหาที่มีสาเหตุเกิดจากอุปกรณ์และระบบใด ๆ ของลูกค้า หรือบุคคลที่สาม หรือทั้งสองอย่าง (ที่ไม่อยู่ในการควบคุมของบริษัท) และจะไม่นับรวมเวลาเนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้

  1. Downtime ที่เกิดจากกแผนการบำรุงรักษาระบบ หรือการปรับปรุงระบบ (System Maintenance) ซึ่งจะมีการแจ้งแผนกำหนดเวลาที่แน่นอน โดยจะดำเนินการในช่วงเวลาที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานน้อยที่สุด
  2. Downtime ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง อุปกรณ์หรือ Hardware บางส่วนที่เสียหายโดยเร่งด่วน
  3. Downtime ที่เกิดจากการร้องขอให้ดำเนินการให้ของผู้ใช้บริการ
  4. Downtime ที่เกิดจากความผิดพลาดของระบบหลักของศูนย์ข้อมูล Data Center หรือ ระบบการสื่อสารของประเทศ

การปฏิเสธความรับผิดในบริการของเรา

บริษัท และคู่ค้า และตัวแทนจำหน่ายของบริษัท จะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อการสูญเสียผลกำไร รายได้ หรือข้อมูล ยอดขาดทุนทางการเงิน หรือความเสียหายทางตรงและทางอ้อม ในกรณีพิเศษ ที่เป็นผลของเหตุการณ์อื่น ที่เป็นข้อยกเว้น หรือเป็นบทลงโทษตามที่กฎหมายอนุญาต

ภายในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต ความรับผิดทั้งหมดของบริษัท และคู่ค้าและตัวแทนจำหน่ายของบริษัท สำหรับการเรียกร้องใดๆ ภายใต้ข้อกำหนดนี้ รวมถึงการรับประกันโดยนัยใดๆ จะต้องไม่เกินยอดเงินที่ผู้ใช้บริการได้จ่ายแก่บริษัทเพื่อใช้บริการ หรือเพื่อจัดหาบริการให้แก่ผู้ใช้บริการอีกครั้ง หากบริษัทได้เลือกดำเนินการเช่นนั้น

ในทุกกรณี บริษัท และคู่ค้า และตัวแทนจำหน่ายของบริษัท จะไม่รับผิดต่อการสูญเสียหรือความเสียหายที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้โดยเหตุผลอันควร

หน้าที่ในการแจ้งข้อมูล

ในกรณีที่ผู้ใช้บริการที่ใช้บัญชีผู้ใช้ที่ได้รับอนุมัติ ต้องการ เปลี่ยนชื่อ, ชื่อบริษัท, ชื่อทางการค้า, ตัวแทน, ที่อยู่หรือข้อมูลอื่นในการติดต่อ ผู้ใช้บริการจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร ตามวิธีการแจ้งข้อมูลที่บริษัทกำหนด โดย บริษัทอาจขอให้ผู้ใช้บริการส่งเอกสารเพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าว และผู้ใช้บริการต้องปฏิบัติตามคำร้องขอดังกล่าวของบริษัท

หน้าที่ของผู้ใช้บริการ

ในกรณีที่มีบุคคลอื่นใช้สิทธิเรียกร้องหรือมีข้อเรียกร้องต่อผู้ใช้บริการ หรือผู้ใช้บริการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับหรือมีสาเหตุมาจากการใช้บริการไบต์อาร์ค ในกรณีที่ผู้ใช้บริการจะยุติข้อเรียกร้องด้วยค่าใช้จ่าย โดยถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้บริการเอง และผู้ใช้บริการจะไม่ให้บริษัท เข้าไปเกี่ยวข้องในการยุติข้อเรียกร้องดังกล่าว

ในกรณีที่ บริษัทมีค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี เกี่ยวกับหรือมีสาเหตุมาจากการใช้บริการไบต์อาร์ค ของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการจะชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่ไบต์อาร์ค

หากผู้ใช้บริการได้กำหนดให้มีผู้ใช้บริการรายอื่นที่มีส่วนร่วมในการใช้งานบัญชีผู้ใช้บริการในฐานะใดๆ ก็ตาม ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “ผู้ใช้บริการร่วม” บริษัทจะถือว่าการปฏิบัติของผู้ใช้บริการร่วมคือการปฏิบัติของผู้ใช้บริการด้วยเช่นกัน หากการปฏิบัติของผู้ดูแลร่วมก่อให้เกิดความเสียหายหรือการเสียผลประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการ บริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ และขอให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ใช้บริการร่วม

การใช้บริการของเราในทางธุรกิจ

หากผู้ใช้บริการได้ใช้บริการของบริษัทในนามของธุรกิจ ธุรกิจนั้นจะต้องยอมรับข้อกำหนดเหล่านี้ ธุรกิจจะไม่เรียกร้องให้บริษัท บริษัทคู่ค้า บริษัทตัวแทนจำหน่าย เจ้าหน้าที่ ตัวแทน และพนักงานของบริษัทชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ใช้บริการ และผู้ใช้บริการจะไม่ฟ้องร้องคดีหรือดำเนินการใดๆ อันเกิดจากหรือเกี่ยวกับการใช้บริการหรือการละเมิดข้อกำหนดเหล่านี้ รวมถึงไม่ให้บุคคลดังกล่าวมีความรับผิดหรือต้องชำระค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกิดจากการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การสูญเสีย ความเสียหาย การฟ้องร้องคดี การตัดสินคดี และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี

เงื่อนไขการใช้งาน

การใช้บริการมีข้อห้าม มิให้ผู้ใช้บริการกระทำการใดๆ ดังต่อไปนี้

  1. การกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย คำพิพากษาศาล มติหรือคำสั่ง หรือมาตรการทางปกครองที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
  2. การกระทำอันเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตร สิทธิในชื่อเสียง สิทธิส่วนบุคคล และสิทธิอื่นใดของบริษัท และ/หรือบุคคลอื่นไม่ว่าจะได้รับตามกฎหมายหรือสัญญา
  3. การกระทำที่รบกวนการทำงานของเซิร์ฟเวอร์และ/หรือระบบเครือข่ายของบริษัท
  4. การกระทำที่ใช้หรือแสวงหาประโยชน์จากข้อบกพร่องของบริการโดยเจตนา
  5. การกระทำที่แทรกแซงการให้บริการหรือการใช้บริการของผู้ใช้บริการรายอื่นหรือบุคคลอื่น
  6. การกระทำอื่นใดที่บริษัทพิจารณาว่าไม่เหมาะสม
  7. การระงับการใช้งานและการจัดการข้อมูลบัญชีผู้ใช้
  8. การระงับการให้บริการของบริษัทมีด้วยกันสองสถานะ ดังต่อไปนี้

การระงับการใช้งานและการจัดการข้อมูลบัญชีผู้ใช้

การระงับการให้บริการของบริษัทมีด้วยกันสองสถานะ ดังต่อไปนี้

  1. การระงับการใช้งานชั่วคราว (Suspend) : เมื่อบัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้บริการอยู่ในสถานะนี้ ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถใช้บริการใดๆ ของทางบริษัทได้ ยกเว้น ระบบจัดการบัญชีผู้ใช้ (ByteArk Account)
  2. การระงับการใช้งานถาวร (Terminate) : เมื่อบัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้บริการอยู่ในสถานะนี้ ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถใช้บริการใดๆ ของทางบริษัทได้

บริษัทมีสิทธิ์ขาดในการระงับการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการระงับการใช้งานโดยบุคคล หรือโดยระบบอัตโนมัติ หากเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งหรือหลายเหตุการณ์ต่อไปนี้

  1. ผู้ใช้บริการละเมิดข้อกำหนดตามเอกสารนี้
  2. ผู้ใช้บริการไม่ชำระค่าใช้บริการค้างชำระตามที่สัญญาได้ระบุไว้
  3. ผู้ใช้บริการมีจำนวนเครดิตคงเหลือในระบบน้อยกว่ายอดการใช้งานที่เกิดขึ้นภายในเดือนนั้น (Monthly Usage) โดยระบบของทางบริษัทจะแสดงให้เห็นแก่ผู้ใช้บริการ บนระบบจัดการบัญชีผู้ใช้
  4. ผู้ใช้บริการไม่มีการใช้งาน หรือเข้าถึงบัญชีผู้ใช้นานกว่า 1 ปี
  5. บริษัทได้รับคำสั่งจากหน่วยงานราชการให้ดำเนินการ (ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ การปฏิเสธความรับผิดในบริการของเรา)
  6. บริษัทได้รับแจ้งว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ จากเจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้แทนเจ้าของลิขสิทธิ์ของเนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วน และไม่ได้รับการแก้ไขจากผู้ใช้บริการ

บัญชีผู้ใช้ของผู้ใช้บริการที่ถูกระงับการใช้งาน สามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้งหากมีการดำเนินการแก้ไข ตามเงื่อนไขที่บริษัทได้แจ้งต่อผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ทางบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการพิจารณายกเลิกการระงับการใช้งานให้แก่ผู้ใช้บริการบางราย โดยบริษัทไม่จำเป็นต้องชี้แจงเหตุผลให้ทราบ

การปรับเปลี่ยนและการยุติการให้บริการ

บริษัททำการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงบริการอย่างสม่ำเสมอ บริษัทอาจเพิ่มหรือนำระบบการทำงานหรือคุณลักษณะบางอย่างออกและบริษัทอาจระงับหรือหยุดให้บริการใดบริการหนึ่งโดยสิ้นเชิง โดยผู้ใช้บริการสามารถหยุดใช้บริการของบริษัทได้ทุกเมื่อ แม้ว่าบริษัทมิได้ต้องการให้ผู้ใช้บริการทำเช่นนั้น บริษัทอาจหยุดให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ หรือเพิ่ม หรือสร้างขีดจำกัดใหม่ ๆ ในบริการของบริษัทได้ทุกเมื่อ

บริษัทเชื่อว่าผู้ใช้บริการเป็นเจ้าของข้อมูลและการสงวนไว้ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญ หากบริษัทหยุดให้บริการในกรณีที่มีเหตุผลสมควร บริษัทจะส่งคำเตือนที่เหมาะสมถึงผู้ใช้บริการล่วงหน้า และให้โอกาสผู้ใช้บริการในการนำข้อมูลดังกล่าวออกจากบริการนั้นอย่างเหมาะสม

ผู้ใช้บริการสามารถยกเลิกบัญชีของตนได้หากแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยการจัดส่งเอกสารมายังบริษัท หรือทางอีเมล support@byteark.com ว่าประสงค์ที่จะดำเนินการดังกล่าว โดยไม่คำนึงถึงการยกเลิกดังกล่าว ผู้ใช้บริการยังคงต้องรับผิดชอบและรับผิดต่อธุรกรรมใด ๆ ก็ตามที่ยังทำไม่เสร็จสิ้น ไม่ว่าจะเริ่มก่อนหรือหลังการยกเลิกดังกล่าว เช่น ค่าใช้บริการคงค้างในเดือนสุดท้ายหลังจากทำการแจ้งยกเลิกบัญชี หรืออย่างอื่นที่คล้ายกัน และผู้ใช้บริการจะยังมีความผูกพันและสัญญาตามกฎหมายต่อบริษัท จนกว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ติดค้างทั้งหมดที่มีต่อบริษัท

เกี่ยวกับการบังคับใช้ข้อกำหนด

ข้อกำหนดนี้จะกำกับดูแลความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้บริการกับบริษัท โดยจะไม่ให้สิทธิใด ๆ แก่ผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นบุคคลที่สาม

หากปรากฏว่ามีข้อกำหนดใดที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้ ข้อกำหนดดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อข้อกำหนดส่วนที่เหลือ

หากมีข้อขัดแย้งกันระหว่างข้อกำหนดนี้กับข้อกำหนดเพิ่มเติม ให้ถือว่าข้อกำหนดเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้

หากผู้ใช้บริการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ และบริษัทไม่ได้ดำเนินการใดโดยทันที จะไม่ถือว่าบริษัทสละสิทธิใด ๆ ที่มีตามข้อกำหนดนี้ เช่น การดำเนินการในภายหลัง